วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Gioseffo Zarlino

Gioseffo Zarlino เป็นนักทฤษฎีดนตรี และนักประพันธ์ดนตรีแห่งยุคเรเนียสซอง (Renaissance) เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1517 และเสียชีวิตลงเมื่อ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1590
Zarlino นับว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในด้านการพัฒนาเกี่ยวกับเสียงประสานในดนตรี และเคาเตอร์พอยท์ (counterpoint) ในดนตรี
Zarlino เป็นชาวอิตาเลียนเกิดที่เมือง ช๊อคเกีย (Chioggia) [เมืองในอิตาลี ใกล้ๆกับเมือง เวนิซ (Venice)] Zarlino เรียนดนตรีกับ Franciscans และต่อมาเขาก็ได้ศึกษาด้วยตนเอง
ในปี ค.ศ.1536 (Zarlino) ได้เป็นนักร้องอยู่ในโบสถ์ที่เมืองช๊อคเกีย ระหว่างการเป็นนักร้องก็ได้รับความไว้วางใจให้เป็นคนดูแลโบสถ์ จวบจน ค.ศ.1539 เขาได้เป็นนักเล่นออร์แกนในโบสถ์ ด้วยความศรัทธาในศาสนาเขาได้บวชเป็นนักบวชในปี ค.ศ. 1540
หลังจากนั้น Zarlino ได้สนใจที่จะเรียนการขับร้องเพิ่มเติมจากสถาบันที่มีชื่อเสียงในการสอนศิลปะแขนงต่างๆ เขาเลยเดินทางไปยังเมืองเวนิซในปี ค.ศ.1541 เพื่อเรียนเกี่ยวกับการร้อง แคปเปลลา (cappella) ที่เซนท์มาร์ค (Saint Mark's) โดยเรียนกับ เอเดรียน วิลเลิร์ต (Adrian Willaert)
หลังจากที่ Zarlino ได้ศึกษาจนมีความเชี่ยวชาญ ทำให้ในปี ค.ศ.1565 เขาได้กลายเป็นผู้ที่สอนแต่งเพลง ณ สถาบันแห่งนั้น
Zarlino นับว่าเป็นผู้มีฝีมือทางด้านการเรียน และการสอนมาก เพราะชาวเวนิซ ได้ยกย่องเขาเทียบเท่ากับผู้มีชื่อเสียงทางด้านดนตรีหลายท่าน อาทิเช่น คลาวดิโอ เมอรูโล (Claudio Merulo), จิโลราโม ดิรูตา (Girolamo Diruta), จิโอวานนี่ ครอส (Giovanni Croce) และ วินเซนโซ กาลิเลอิ (Vincenzo Galilei)
หลังจากที่ Zarlino ได้เป็นอาจารย์ในการสอนแต่งเพลง เขาก็มีลูกศิษย์มากมาย นอกจากที่เขาจะสอนแต่งเพลงแล้ว เขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแต่งเพลง โมเต็ท (Motet) ซึ่งเพลงของเขาเป็นที่นิยมอย่างมาก Zarlino คิดค้นวิธีการใหม่ๆขึ้นมาจากแบบแผนเดิมๆ เช่น ระบบตัวเลขของปีทากอรัส เป็นต้น ทำให้เขาสามารถใช้บันไดเสียงและโหมด (mode) ในการแต่งเพลงได้อย่างเชี่ยวชาญ ถึงอย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ Zarlino คือ เขาเป็นคนที่เข้าใจดนตรีโดยแท้ ดนตรีที่เขาแต่งออกมานั้น เขาจะคำนึงถึงความเป็นจริงปละสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเริ่มใช้การ ขนานคู่ห้า และคู่แปด (Parallel fifth & Parallel eighth) ในการเรียบเรียงเสียงประสาน ซึ่งเขามองว่าการขนานดังกล่าวไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ของเสียงประสานที่ผิด ทฤษฎีของ Zarlino มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแนวคิดและทฤษฎีของเขาเป็นเหมือนตัวแทนและเอกลักษณ์ของดนตรีในยุคบาโรค ฟรานเชสโก ฟรานเชสกี้ (Francesco Franceschi) เป็นผู้เรียบเรียงทฤษฎีของ Zarlino มาเขียนเป็นหนังสือ หลังจากที่หนังสือเล่มดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ ก็ได้ถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆหลายภาษา ทำให้แนวคิดและทฤษฎีของ Zarlino ถูกนำไปใช้และพัฒนาจนถึงยุคถัดๆไป จวบจนท้ายสุดของ ศตวรรษที่ 16
เพลงของ Zarlino ได้ถูกนำมาบรรเลงในช่วง ค.ศ.1549 จนถึง ค.ศ.1567 เป็นเพลงโมเต็ท 41 เพลง ส่วนมากเป็นเพลงที่มีเสียงประสาน 5-6 แนว ซึ่งในจำนวนเพลงเหล่านั้นมี 13 เพลงที่เป็นเพลงเกี่ยวกับทางโลก และบทกวีอื่นๆที่ไม่ใช่เพลงในศาสนา ซึ่งก็เป็นเพลงขับร้องเสียงประสาน 5-6 แนวเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น