วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

Alessandro Scarlatti



Alessandro Scarlatti เป็นนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน ในยุคบาโรค (Baroque) เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ.1660 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1725 (มีอายุ 65 ปี) มีชื่อเสียงทางด้านการแต่งเพลง Opera และเพลง Chamber Cantatas และเขายังเป็นบุคคลสำคัญที่ก่อตั้งโรงเรียนสอนโอเปราที่มีชื่อว่า Neapolitan School of Opera และเขาก็มีลูกชายที่เป็นนักประพันธ์เพลงถึง 2 คนคือ Domenico Scarlatti และ Pietro Filippo Scarlatti


Alessandro Scarlatti เกิดในเมือง Palermo ซึ่งหลังจากนั้นกลายเป็น Kingdom of Sicily ตัวของเขาเองบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของ Giacomo Carissimi ในกรุงโรม ซึ่งสามารถคาดเดาได้ว่าเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีทางตอนเหนือของอิตาลี เนื่องจากเพลงของเขาได้รับอิทธิพลจาก 2 นักแต่งเพลงคือ Stradella และ Legrenzi เห็นได้ชัดจากผลงานโอเปราของเขาเรื่อง Gli Equivoci nell sembiante ในปี ค.ศ.1679 ซึ่งผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาได้เงินรางวัลจากราชินี Christina ของประเทศสวีเดน ซึ่งได้รับชมตอนท่านทรงเสด็จมาเยือนกรุงโรมอีกด้วย และหลังจากนั้นราชินีก็ได้ทรงว่าจ้างเขาเป็นนักแต่งโอเปราประจำพระองค์ (Maestro di Cappella)


ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1684 เขาก็ได้เป็นนักแต่งโอเปราของราชวงศ์หนึ่งชื่อว่า Viceroy แห่ง Naples ที่กล่าวมานั้นจะสังเกตุได้ว่าเขาได้เข้าใกล้กับราชวงศ์ที่สูงศักดิ์ อาจเป็นเพราะว่าน้องสาวของเขาซึ่งเป็นนักร้องโอเปรา เป็นภรรยาลับของคนในวังในสมัยนั้นก็เป็นได้ทำให้เขาได้มีโอกาสได้นำโอเปราไปแสดงในวัง


ในปี ค.ศ.1702 Scarlatti ได้ย้ายไปที่ Naples และไม่กลับมายังบ้านเกิดอีกเลยจนกระทั่งประเทศสเปนโดนยึดอำนาจโดยชาวออสเตรียน (Austrian) โดยเขาใช้ชีวิตอย่างไม่ยากลำบากในฐานะที่ถูกแต่งตั้งขึ้นคือ Ferdinando de’ Medici โดยเขาได้ทำหน้าที่แต่งโอเปราเพื่อแสดงที่โรงละครใกล้ๆเมือง Florence และนอกจากนั้นเขายังได้แต่งเพลง maestro di cappella โดยมีความคล้ายคลึงกับเพลง Basilica di Santa Maria Maggiore ที่แต่งไว้ในโรม เมื่อปี ค.ศ.1703


หลังจากที่เขาได้เดินทางไปยังเมือง Venice และ Urbino ในปี ค.ศ.1707 เขาก็ได้กลับไปทำงานด้านดนตรีที่ Naples อีกครั้งในปี ค.ศ.1708 และอยู่ที่นั่นจนถึงปี ค.ศ.1717 โดยที่ Naples เริ่มที่จะเบื่องานของเขาแล้ว ด้วยความที่เขาคิดถึงบ้านเกิดเขาก็ได้แต่งเพลงโอเปราขึ้น ชื่อว่า La Griselda ในปี ค.ศ.1721 เป็นที่รู้จักกันดีในเพลงชั้นสูงในหมู่เพลงโบสถ์ (Church Music) และเขาก็ยังแต่งเพลงประเภทเพลง Mass สำหรับวง Chorus และวง Orchestra โดยได้แต่งเพื่อสดุดีต่อ Saint Cecilia และสำหรับ Cardinal Acquaviva ในปี ค.ศ.1721 ผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาเป็นงานชิ้นใหญ่มาก มีชื่อว่า Serenata แต่งเพื่อเฉลิมฉลองในพิธีแต่งงานของเจ้าชายแห่ง Stigliano ในปี ค.ศ.1723 แต่เขาก็ยังแต่งไม่สมบูรณ์โดยเขาเสียชีวิตลงก่อนที่ Naples


ดนตรีของ Scarlatti นั้นเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างยุคก่อนยุคบาโรค (Baroque) โดยเป็นเพลงร้องในศตวรรษที่ 17 กับ ดนตรีในใจกลางของ Florence, Venice และ Rome โดยดนตรีของเขาได้ถูกพัฒนาให้ถึงขั้นสูงสุดโดยนักประพันธ์เพลงในยุคคลาสสิคคือ Mozart โดยผลงานของ Scarlatti ที่เป็นโอเปราในช่วงแรกๆนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เช่นเรื่อง Gli equivoci nel sembiante ในปีค.ศ.1679, เรื่อง L’honestà negli amori ในปีค.ศ.1680โดยจะรู้จักกันดีในชื่อ Già il sole dal Gange, เรื่อง Il Pompeo .ในปีค.ศ.1683 ที่รู้จักกันดีในชื่อ "O cessate di piagarmi" และเรื่องToglietemi la vita ancor และทั้งหมดนั้นก็เริ่มจืดจางลงเมื่อปี ค.ศ.1685 แต่เพลงของเขาก็ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี


ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1697 เขาก็แต่งโอเปราเรื่อง La caduta del Decemviri โดยเขาได้แต่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับทางด้านการว่าความในศาล และก็ยังจะแต่งเรื่องอื่นๆที่สื่อถึงวัฒนธรรมทางสังคมอีกมากมาย ดนตรีของเขาในช่วงปี ค.ศ.1700 ก็เริ่มมีการใช้เครื่องดนตรี Oboes และ Trumpets เป็นจำนวนมาก และ Violins เขาก็มักแต่งให้เล่นพร้อมๆกัน (Unison) ซึ่งผลงานโอเปราชิ้นที่เขาชอบคือชิ้นที่แต่งให้เจ้าชาย Ferdinando de’ Medici โดยเขารู้จักกับเจ้าชายเนื่องจากเป็นเพื่อนที่ติดต่อกันทางจดหมายและหลังจากผลงานชิ้นนั้นเขาก็เริ่มแสดงถึงความสามารถในการประพัน์เพลงขั้นสูงขึ้นไปอีก โดยอาศัยแรงบันดาลใจและสัญชาตญาณ

เพลงของเขาได้รับความนิยมอย่างมาก ภายหลังเพลง Mass ของเขาก็เริ่มจางหายลงไป แต่เขาก็เคยแต่งเพลง Mass ไว้ถึง 200 กว่าชิ้น โดยชิ้นที่ดีที่สุดคือ St Cecilia Mass ที่แต่งขึ้นในปี ค.ศ.1721 ซึ่งผลงานชิ้นนี้จะเป็นส่วนสำคัญในแนวคิดที่อยู่ในเพลงของ Johann Sebastian Bach และ Beethoven ไม่ใช่ว่าดนตรีที่เป็นเพลงร้องของเขาที่ได้รับความนิยมเท่านั้น ดนตรีประเภทบรรเลง (Instrumental Music) ก็เป็นที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่ฟังแล้วเป็นแบบยุคเก่า แต่ภายนั้นมีอะไรบางอย่างที่แปลกใหม่เมื่อเทียบกับดนตรีในยุคนั้น นับได้ว่าเขาเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพันธ์เพลงโอเปรา และผลงานของเขาก็ส่งผลต่อนักดนตรีในปัจจุบันมากมาย

Alessandro Scarlatti เป็นนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน ในยุคบาโรค (Baroque) เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ.1660 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1725 (มีอายุ 65 ปี) มีชื่อเสียงทางด้านการแต่งเพลง Opera และเพลง Chamber Cantatas และเขายังเป็นบุคคลสำคัญที่ก่อตั้งโรงเรียนสอนโอเปราที่มีชื่อว่า Neapolitan School of Opera และเขาก็มีลูกชายที่เป็นนักประพันธ์เพลงถึง 2 คนคือ Domenico Scarlatti และ Pietro Filippo Scarlatti


Alessandro Scarlatti เกิดในเมือง Palermo ซึ่งหลังจากนั้นกลายเป็น Kingdom of Sicily ตัวของเขาเองบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของ Giacomo Carissimi ในกรุงโรม ซึ่งสามารถคาดเดาได้ว่าเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีทางตอนเหนือของอิตาลี เนื่องจากเพลงของเขาได้รับอิทธิพลจาก 2 นักแต่งเพลงคือ Stradella และ Legrenzi เห็นได้ชัดจากผลงานโอเปราของเขาเรื่อง Gli Equivoci nell sembiante ในปี ค.ศ.1679 ซึ่งผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาได้เงินรางวัลจากราชินี Christina ของประเทศสวีเดน ซึ่งได้รับชมตอนท่านทรงเสด็จมาเยือนกรุงโรมอีกด้วย และหลังจากนั้นราชินีก็ได้ทรงว่าจ้างเขาเป็นนักแต่งโอเปราประจำพระองค์ (Maestro di Cappella)


ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1684 เขาก็ได้เป็นนักแต่งโอเปราของราชวงศ์หนึ่งชื่อว่า Viceroy แห่ง Naples ที่กล่าวมานั้นจะสังเกตุได้ว่าเขาได้เข้าใกล้กับราชวงศ์ที่สูงศักดิ์ อาจเป็นเพราะว่าน้องสาวของเขาซึ่งเป็นนักร้องโอเปรา เป็นภรรยาลับของคนในวังในสมัยนั้นก็เป็นได้ทำให้เขาได้มีโอกาสได้นำโอเปราไปแสดงในวัง


ในปี ค.ศ.1702 Scarlatti ได้ย้ายไปที่ Naples และไม่กลับมายังบ้านเกิดอีกเลยจนกระทั่งประเทศสเปนโดนยึดอำนาจโดยชาวออสเตรียน (Austrian) โดยเขาใช้ชีวิตอย่างไม่ยากลำบากในฐานะที่ถูกแต่งตั้งขึ้นคือ Ferdinando de’ Medici โดยเขาได้ทำหน้าที่แต่งโอเปราเพื่อแสดงที่โรงละครใกล้ๆเมือง Florence และนอกจากนั้นเขายังได้แต่งเพลง maestro di cappella โดยมีความคล้ายคลึงกับเพลง Basilica di Santa Maria Maggiore ที่แต่งไว้ในโรม เมื่อปี ค.ศ.1703


หลังจากที่เขาได้เดินทางไปยังเมือง Venice และ Urbino ในปี ค.ศ.1707 เขาก็ได้กลับไปทำงานด้านดนตรีที่ Naples อีกครั้งในปี ค.ศ.1708 และอยู่ที่นั่นจนถึงปี ค.ศ.1717 โดยที่ Naples เริ่มที่จะเบื่องานของเขาแล้ว ด้วยความที่เขาคิดถึงบ้านเกิดเขาก็ได้แต่งเพลงโอเปราขึ้น ชื่อว่า La Griselda ในปี ค.ศ.1721 เป็นที่รู้จักกันดีในเพลงชั้นสูงในหมู่เพลงโบสถ์ (Church Music) และเขาก็ยังแต่งเพลงประเภทเพลง Mass สำหรับวง Chorus และวง Orchestra โดยได้แต่งเพื่อสดุดีต่อ Saint Cecilia และสำหรับ Cardinal Acquaviva ในปี ค.ศ.1721 ผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาเป็นงานชิ้นใหญ่มาก มีชื่อว่า Serenata แต่งเพื่อเฉลิมฉลองในพิธีแต่งงานของเจ้าชายแห่ง Stigliano ในปี ค.ศ.1723 แต่เขาก็ยังแต่งไม่สมบูรณ์โดยเขาเสียชีวิตลงก่อนที่ Naples


ดนตรีของ Scarlatti นั้นเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างยุคก่อนยุคบาโรค (Baroque) โดยเป็นเพลงร้องในศตวรรษที่ 17 กับ ดนตรีในใจกลางของ Florence, Venice และ Rome โดยดนตรีของเขาได้ถูกพัฒนาให้ถึงขั้นสูงสุดโดยนักประพันธ์เพลงในยุคคลาสสิคคือ Mozart โดยผลงานของ Scarlatti ที่เป็นโอเปราในช่วงแรกๆนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เช่นเรื่อง Gli equivoci nel sembiante ในปีค.ศ.1679, เรื่อง L’honestà negli amori ในปีค.ศ.1680โดยจะรู้จักกันดีในชื่อ Già il sole dal Gange, เรื่อง Il Pompeo .ในปีค.ศ.1683 ที่รู้จักกันดีในชื่อ "O cessate di piagarmi" และเรื่องToglietemi la vita ancor และทั้งหมดนั้นก็เริ่มจืดจางลงเมื่อปี ค.ศ.1685 แต่เพลงของเขาก็ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี


ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1697 เขาก็แต่งโอเปราเรื่อง La caduta del Decemviri โดยเขาได้แต่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับทางด้านการว่าความในศาล และก็ยังจะแต่งเรื่องอื่นๆที่สื่อถึงวัฒนธรรมทางสังคมอีกมากมาย ดนตรีของเขาในช่วงปี ค.ศ.1700 ก็เริ่มมีการใช้เครื่องดนตรี Oboes และ Trumpets เป็นจำนวนมาก และ Violins เขาก็มักแต่งให้เล่นพร้อมๆกัน (Unison) ซึ่งผลงานโอเปราชิ้นที่เขาชอบคือชิ้นที่แต่งให้เจ้าชาย Ferdinando de’ Medici โดยเขารู้จักกับเจ้าชายเนื่องจากเป็นเพื่อนที่ติดต่อกันทางจดหมายและหลังจากผลงานชิ้นนั้นเขาก็เริ่มแสดงถึงความสามารถในการประพัน์เพลงขั้นสูงขึ้นไปอีก โดยอาศัยแรงบันดาลใจและสัญชาตญาณ

เพลงของเขาได้รับความนิยมอย่างมาก ภายหลังเพลง Mass ของเขาก็เริ่มจางหายลงไป แต่เขาก็เคยแต่งเพลง Mass ไว้ถึง 200 กว่าชิ้น โดยชิ้นที่ดีที่สุดคือ St Cecilia Mass ที่แต่งขึ้นในปี ค.ศ.1721 ซึ่งผลงานชิ้นนี้จะเป็นส่วนสำคัญในแนวคิดที่อยู่ในเพลงของ Johann Sebastian Bach และ Beethoven ไม่ใช่ว่าดนตรีที่เป็นเพลงร้องของเขาที่ได้รับความนิยมเท่านั้น ดนตรีประเภทบรรเลง (Instrumental Music) ก็เป็นที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่ฟังแล้วเป็นแบบยุคเก่า แต่ภายนั้นมีอะไรบางอย่างที่แปลกใหม่เมื่อเทียบกับดนตรีในยุคนั้น นับได้ว่าเขาเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพันธ์เพลงโอเปรา และผลงานของเขาก็ส่งผลต่อนักดนตรีในปัจจุบันมากมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น